วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

น้ำพริกมะม่วงเบา


เครื่องปรุง
มะม่วงเบา 4 ลูก
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสด 20 เม็ด
กะปิ 2 ช้อนชา
หอมแดง 2 หัว
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ล้างมะม่วงให้สะอาด ปอกเปลือก และสับเป็นเส้นๆ ใส่เกลือป่น คั้นมะม่วงน้ำเปรี้ยวออกล้างน้ำ ใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.โขลกพริกขี้หนูพอแตก ใส่กะปิ หอมแดง น้ำตาล โขลกให้เข้ากันไม่ต้องละเอียด
3.ใส่กุ้งแห้ง มะม่วง ใช้ช้อนเคล้าจนเข้ากันดี
4.เสิร์ฟพร้อมผักเหนา

ที่มา...
http://khlabut.blogspot.com/

ไก่ต้มขมิ้น





     ไก่ต้มขมิ้น เป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับคนธาตุน้ำ เป็นหวัดเรื้อรัง รับประทานเผ็ด ๆ แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย

เครื่องปรุง

ไก่บ้าน 100 กรัม หรือ 1 ตัว
ตะไคร้ 30 กรัม หรือ 2 ต้น 
ขมิ้น 10 กรัม หรือ 2 นิ้ว 
หอมแดง 45 กรัม หรือ 5 หัว 
กระเทียม 30 กรัม หรือ 3 หัว 
ข่า 50 กรัม หรือ 7 แว่น 
เกลือป่น 5 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ส้มแขก 5 กรัม หรือ 5 ชิ้น 

วิธีทำ
1. ล้างไก่ให้สะอาด แล้วสับชิ้นพอคำ
2. ทุบตะไคร้ให้แตก หั่นเป็นท่อน 2-3 นิ้ว ทุบข่า ขมิ้น แล้วบุบหอมแดง กระเทียม
3. เอาน้ำ 4 ถ้วยใส่หม้อตั้งไฟ พอเดือด ใส่เครื่องที่เตรียมไว้ (ข้อ 2) ต้มสักพักจนเครื่องหอม ใส่ส้มแขก
4. ใส่ไก่ต้มจนสุก ใส่เกลือ น้ำตาล ปรุงรสตามชอบ ยกลง
หมายเหตุ ควรให้มีรสเปรี้ยว โดยใช้ส้มแขก หากไม่มีส้มแขกสามารถใช้ส้มมะขามแทนได้

ประโยชน์ทางอาหาร
   ไก่ต้มขมิ้น เป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับคนธาตุน้ำ เป็นหวัดเรื้อรัง รับประทานเผ็ด  แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย

ที่มา...
http://www.oknation.net/blog/SouthernFoods/2013/03/23/entry-2
http://khlabut.blogspot.com/

น้ำพริกระกำ

     น้ำพริกระกำนับเป็นอาหารที่นิยมอย่างหนึ่งในช่วงฤดูร้อน ขณะที่มะนาวขาดแคลน ระกำซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองก็ออกผล คนใต้จึงนิยมประยุกต์ใช้รสเปรี้ยวจากระกำแทนมะนาว นำมาทำน้ำพริกรับประทานกับผักต่าง  น้ำพริกระกำจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะนอกจากจะมีรสชาติเปรี้ยวเค็มหวานอย่างกลมกล่อมแล้ว ยังมีกลิ่นหอมของระกำเจืออยู่ด้วย คนใต้นิยมรับประทานคู่กับลูกเนียงซึ่งมีกลิ่นฉุน เมื่อรับประทานคู่กันยิ่งทำให้เพิ่มรสชาติในการรับประทานยิ่งขึ้น นับเป็นของคู่กันเลยทีเดียว 

เครื่องปรุง
ระกำปอกเปลือกขูดเอาแต่เนื้อ 300 กรัม 
กะปิ 10 กรัม 
กุ้งแห้ง 40 กรัม 
กระเทียม 5 กรัม 
พริกขี้หนู 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
น้ำตาลทราย 150 กรัม 

วิธีทำ
1. ใช้ใบตองห่อกะปิย่างไฟให้หอม
2. โขลกกะปิ กระเทียม กุ้งแห้ง พริกขี้หนู น้ำตาลทราย
3. ใส่ระกำ โขลกให้เข้ากัน
4. เสริ์ฟพร้อมผักเหนาะ เช่น ถั่วฝักยาวสะตอกระถิน เป็นต้น

ประโยชน์ทางอาหาร
   น้ำพริกระกำ เป็นน้ำพริกที่เพิ่มรสชาติของผักเหนาะให้รับประทานได้มากยิ่งขึ้น การรับประทานผักมาก  และหลายชนิด ช่วยให้ร่างกายได้คุณค่าทางอาหารรวมตลอดถึงวิตามินครบถ้วน


ที่มา...

http://www.oknation.net/blog/SouthernFoods/2013/03/23/entry-2
http://khlabut.blogspot.com/

ข้าวยำ


     ข้าวยำปักษ์ใต้ เป็นอาหารที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวใต้จนดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์อาหารปักษ์ใต้อีกเมนูหนึ่ง
     ข้าวยำของชาวใต้ จะอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำบูดูเป็นสำคัญ น้ำบูดูมีรสเค็ม แหล่งที่มีการทำน้ำบูดูมากคือจังหวัดยะลาและปัตตานี เวลานำมาใส่ข้าวยำต้องเอาน้ำบูดูมาปรุงรสก่อน จะออกรสหวานเล็กน้อยแล้วแต่ความชอบ น้ำบูดูของชาวใต้มีกลิ่นคาวของปลาเพราะทำมาจากปลา กลิ่นคล้ายของทางภาคอีสาน แต่กลิ่นน้ำบูดูจะรุนแรงน้อยกว่าเนื่องจากน้ำบูดูมีรสเค็ม ชาวใต้จึงนำมาใส่อาหารแทนน้ำปลา


เครื่องปรุง
ข้าวสวย 60 กรัม หรือ 1/2 ถ้วย 
กุ้งแห้งป่น 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวหั่นฝอย คั่วจนเหลืองกรอบ 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูคั่วป่น 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ผักถั่วงอกเด็ดหาง 25 กรัม หรือ 1/3 ถ้วย 
ตะไคร้หั่นฝอย 30 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ 
ใบมะกรูดอ่อนหั่นฝอย 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ 
มะม่วงดิบสับหั่นเส้นเล็ก 30 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ 
มะนาว 1 ลูก 


เครื่องปรุงน้ำบูดู
น้ำบูดู 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ 
น้ำ 1 ถ้วยครึ่ง 
ปลาอินทรีย์เค็ม 10 กรัม หรือ 1 ชิ้น 
น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม หรือ 1 ถ้วย 
หอมแดงทุบพอแตก 300 กรัม
ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 40 กรัม หรือ 1 ต้น 
ใบมะกรูดฉีก 7 กรัม หรือ 3 ใบ 
ข่ายาว 1 นิ้ว 
ทุบพอแตก 5 กรัม หรือ 1 ชิ้น 

วิธีทำ
1. ทำน้ำบูดูโดยการต้มปลาอินทรีย์จนเปื่อย แกะเอาแต่เนื้อใส่หม้อ เติมน้ำบูดู น้ำ แล้วตั้งไฟ
2. ใส่หอม ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดฉีก น้ำตาลปี๊บ ต้มต่อจนน้ำบูดูข้น ชิมให้รสเค็มนำหวานยกลง
3. จัดเสริ์ฟโดยตักข้าวใส่จาน ใส่มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักทั้งหมดใส่อย่างละน้อยพอคลุกรวมกันแล้วจะมากยิ่งขึ้น ราดน้ำบูดู ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากันดีรับประทานได้

ประโยชน์ทางอาหาร
     ข้าวยำปักษ์ใต้ที่ปรุงสำเร็จแล้วจะออกรสหลายรสด้วยกัน ได้แก่ รสมันของมะพร้าวรสเปรี้ยวจากมะม่วงดิบและน้ำมะนาว รสเค็มหวานจากน้ำบูดู รสเผ็ดของพริกป่น เรียกว่าเป็นอาหารที่บำรุงธาตุก็ไม่ผิดนัก

ที่มา...
http://www.oknation.net/blog/SouthernFoods/2013/03/23/entry-2
http://khlabut.blogspot.com/

ผัดสะตอใส่กะปิ



     “ผัดสะตอกับกะปิใส่กุ้ง ” สะตอ   ผักพื้นบ้านสัญลักษณ์ของชาวใต้ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สะตอเป็นผักที่มีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ชาวใต้นิยมนำสะตอมารับประทานเป็นผักสด  หรือจะนำมาปิ้งไฟให้สุกรับประทานเป็นผักเคียงคู่กับน้ำพริกหรือกับข้าวต่างๆ  นอกจากนี้ ยังนิยมนำมาประกอบเป็นกับข้าวอีกด้วย  โดยเมนูที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวใต้และภาคอื่นๆ คือ ผัดสะตอกับกะปิใส่กุ้ง เมนูนี้หารับประทานได้ง่าย รสชาติมีทั้งเค็ม เปรี้ยว หวานเล็กน้อย และมีความหอมจากกะปิิ

เครื่องปรุง
สะตอนำมาแกะเอาเม็ด ประมาณ 1 ถ้วย
หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นๆ ประมาณ 15 ชิ้น
กะปิอย่างดี ประมาณ 1-2 ช้อน
พริกชี้ฟ้าหั่นยาวๆ ประมาณ 4-5 เม็ด
หอมแดงหั่นหยาบ ประมาณ 3-4 หัว
กระเทียมปอก ประมาณ 7-8 กลีบ
น้ำตาล ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำมะนาว ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำปลา และน้ำมันพืช

วิธีทำ
1. นำหอม กระเทียมมาโขลกรวมกันกับกะปิให้ ละเอียด ตักมาพักไว้ก่อน
2. กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไปพอสมควร
3. ใส่หอมกระเทียมและกะปิที่โขลกลงไปผัดใน กระทะให้หอม แล้ว จึงใส่หมูที่หั่นแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน
4. แล้วใส่เม็ดสะตอที่แกะเตรียมเอาไว ผัดรวม กันในกระทะ
5. ใส่น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว ปรุงรส และผัดให้พอสะตอสุก
6. ก่อนยกลง ให้ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นยาวลงไปและ ตักไปรับประทานได้

ที่มา...
http://khlabut.blogspot.com/
http://www.inmu.mahidol.ac.th/gallery/inmucooking/South_food/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87.html

แกงหมูกับลูกเหรียง


     เหรียง เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงใหญ่ ชาวใต้นิยมนำเมล็ดเหรียงมาเป็นอาหาร โดยจะนำเมล็ดมาเพาะให้แตกรากสั้น ๆ คล้ายถั่งงอก แต่หัวจะโตกว่าถั่วงอก มีสีเขียว เรียกว่าลูกเหรียง มีรสมัน กลิ่นฉุน นำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด ทั้งเป็นผักสดรับประทานกับน้ำพริก นำมาดองหรือแกงเป็นอาหาร

เครื่องปรุง

เนื้อหมูหั่นบาง 1 กิโลกรัม
ที่มา...

ลูกเหรียงเด็ดหางออก  500 กรัม
มะพร้าวขูด      1 กิโลกรัม
น้ำตาลปีบ       1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนชา
เครื่องแกง
พริกขี้หนูสด    50 เม็ด
หอมแดงซอย   4 หัว
กระเทียม         1 หัว
ข่าหั่นละเอียด  5 แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย 3-4 ต้น
ขมิ้นหั่นยาว 1 นิ้ว        1 ชิ้น
พริกไทยเม็ด    2 ช้อนชา
เกลือป่น          1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย และหางกะทิ 3 ถ้วย
2. ใส่หางกะทิลงใสหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่น้ำพริกแกงที่ โขลกคนให้ละลาย ใส่เนื้อหมู
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล พอหมูสุก ใส่ลูกเหรียง หัว กะทิ ต้มต่อสักครู่ ปิดไฟ ยกลง

แกงส้มออกดิบ (คูน)





     แกงส้มออกดิบ มีส่วนประกอบของเครื่องปรุงส่วนใหญ่ออกไปทางรสเผ็ดร้อน เปรี้ยว สรรพคุณช่วยในการขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร มะนาวและส้มแขกมีรสเปรี้ยว สรรพคุณช่วยแก้ไอ ขับเสมหะและมีวิตามินซีสูง

เครื่องปรุง

ออกดิบ (ต้นคูน) 3 ก้าน (300กรัม)
ปลา 300 กรัม
ส้มแขก/มะนาว 10 ชิ้น
พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด (30 กรัม)
ขมิ้น 1 นิ้ว (15 กรัม)
กระเทียม 2 หัว (20 กรัม)
เกลือ 1 ช้อนชา (กรัม)
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
น้ำตาล 1 ช้อนชา (กรัม)

วิธีทำ
1. ล้างปลาให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาด 2 นิ้ว
2. ลอกเปลือกคูนออก หั่นตามขวางเป็นท่อนสั้นพอคำ ล้างให้หมดทราย
3. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
4. ใส่น้ำในหมอแกงประมาณ 3 ถ้วย นำเครื่องแกงที่โขลกไว้แล้วคนให้ละลาย ตั้งไฟให้เดือด ใส่ต้นคูนให้เดือด ใส่ส้มแขก (ทำให้มีรสเปรี้ยว) หากไม่มีส้มแขกอาจใช้น้ำมะนาวหรือมะขามแทนได้ ใส่ปลาเนื้อปลาสุก ปรุงรสตามชอบ แกงส้มออกดิบมักจะมีรสเปรี้ยวนำ

ที่มา ...
http://www.oknation.net/blog/SouthernFoods/2013/03/23/entry-2
http://khlabut.blogspot.com/

แกงไตปลาน้ำข้น


     ไตปลาหรือพุงปลาได้จากการนำพุงปลาทูมารีดเอาไส้ในออก ล้างพุงปลาให้สะอาด แล้วใส่เกลือหมักไว้ประมาณ 1 เดือนขึ้นไป หลังจากนั้นจึงนำมาปรุงอาหารได้ แกงไตปลามีรสจัด จึงต้องรับประทานร่วมกับผักหลายๆ ชนิดควบคู่กันไปด้วย เพื่อช่วย ลดความเผ็ดร้อนลง ซึ่งคนใต้เรียกว่า ผักเหนาะ ผักเหนาะของภาคใต้มีหลายอย่าง เช่น สะตอ ลูกเนียง ยอดมะม่วงหิมพานต์ ผักบางอย่างก็เป็นผักชนิดเดียวกับภาคกลาง เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ แตงกวา หน่อไม้ เป็นต้น

เครื่องปรุง
ปลาสำลีหรือปลาโอ 1 ตัว
ไตปลาอย่างดี 1/4 ถ้วย
น้ำมะขามเปียกนิดหน่อย
ใบมะกรูด 5-6 ใบ

วิธีทำ
1. ทำความสะอาดปลา ควักไส้ออก แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปย่างให้สุกแห้ง แล้วแกะเอาแต่เนื้อ
2. นำน้ำ 2 ถ้วยใส่หม้อเคลือบ ตั้งไฟ พอน้ำเดือดพล่าน ใส่ไตปลาลงไป ปล่อยให้เดือดสักครู่ จึงยกลงกรองเอาแต่น้ำ แล้วนำขึ้นตั้งไฟใหม่
3. ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป พอหอม ใส่เนื้อปลาย่าง คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก (ถ้าชอบอาจตัดรสด้วยน้ำตาลปึกนิดหน่อย) พอเดือดอีกครั้ง ใส่ใบมะกรูดฉีก แล้วยกลง เสิร์ฟพร้อมผักสดเครื่องแกงขมิ้น 1 แง่งเล็ก ๆ พริกไทย 1 ช้อนชาข่าหั่นตามขวาง 5 - 7 แว่นตะไคร้ซอยละเอียด 3 ช้อนโต๊ะผิวมะกรูดซอยละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะหอมแดง 2 หัวกระเทียม 1 หัวพริกขี้หนูสดสีเขียวและสีแดง 20 เม็ด เกลือบปน 1 ช้อนชาพริกขี้หนูแห้ง 10 - 15 เม็ด กะปิ 1/ 2 ช้อนโต๊ะ โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

ที่มา...


อาหารพื้นบ้านภาคใต้



     อาหารพื้นบ้านภาคใต้มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สืบเนื่องจากดินแดนภาคใต้เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายของพ่อค้าจากอินเดีย จีนและชวาในอดีต ทำให้วัฒนธรรมของชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดียใต้ ซึ่งเป็นต้นตำรับในการใช้เครื่องเทศปรุงอาหารได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก

     อาหารพื้นบ้านภาคใต้ทั่วไป มีลักษณะผสมผสานระหว่างอาหารไทยพื้นบ้านกับอาหารอินเดียใต้ เช่น น้ำบูดู ซึ่งได้มาจากการหมักปลาทะเลสดผสมกับเม็ดเกลือ และมีความคล้ายคลึงกับอาหารมาเลเซีย อาหารของภาคใต้จึงมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ
 และด้วยสภาพภูมิศาสตร์อยู่ติดทะเลทั้งสองด้านมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกตลอดปี อาหารประเภทแกงและเครื่องจิ้มจึงมีรสจัด ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ป้องกันการเจ็บป่วยได้อีกด้วย

     เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงเป็นอาหารส่วนมากนิยมสัตว์ทะเล เช่น ปลากระบอก ปลาทู ปูทะเล กุ้ง หอย ซึ่งหาได้ในท้องถิ่น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา นิยมใส่ขมิ้นปรุงอาหารเพื่อแก้รสคาว เครื่องจิ้มคือน้ำบูดู

     อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เครื่องจิ้มก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าวเรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ได้แก่ ปลาหอยนางรม และกุ้งมังกร เป็นต้น

ที่มา...